Page 223 - kpi13917
P. 223
222
นอกจากนี้การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกชนิด ทั้งเสียงตามสาย สื่อบุคคล สื่อสิ่งพิมพ์ และ
การจัดนิทรรศการในกิจกรรมวันสำคัญ รวมถึงการชี้แจงและสร้างความเข้าใจผ่านเวทีประชาคม
ทำให้เกิดเครือข่ายเกษตรปลอดภัยตำบลต้นธงที่มีสมาชิกมาจากภาคส่วนต่างๆ มากยิ่งขึ้นคือ
เครือข่ายจากอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) คณะกรรมการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีทาง
การเกษตร และกลุ่มเกษตรกรทำสวน
เครือข่ายเกษตรปลอดภัยเข้ามามีส่วนร่วมกับเทศบาลตำบลต้นธงในการพัฒนาชุมชน
ท้องถิ่นในด้านต่างๆ มากขึ้น จึงเกิดการบูรณาการการดำเนินงานด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของ
เกษตรกรทั้งเรื่องการพัฒนาอาชีพ การจัดสวัสดิการกลุ่ม และการลดความเสี่ยงจากการทำงาน
โดยผนวกกิจกรรมที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกันเข้าด้วยกัน
ข่วงผะหญา พญาอุต
พื้นที่การเกษตรตำบลต้นธง อาศัยน้ำจาก “ฝายพญาอุต” ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า
200 ปี ในปี 2532 รัฐบาลได้ยกฝายพญาอุตให้เป็นโครงการชลประทานขนาดเล็ก กรมชลประทาน
จึงดำเนินการสร้างเป็นฝายซีเมนต์ และมอบให้ราษฎรเป็นผู้บริหารดูแล ซึ่งเกษตรกรผู้ใช้น้ำ
ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบการตีฝาย ขุดเหมือง และไม่ต้องออกเงินซ่อมฝายเหมือนแต่ก่อน เพียง
ทำหน้าที่ช่วยดูแลและรักษาอาคารชลประทาน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำฝายพญาอุตยังคงดำเนินงาน
ในรูปแบบเดิม คือ มีหัวหน้าเหมืองฝายและแก่เหมืองเป็นผู้ดูแลการใช้น้ำของเกษตรกรและดูแล
รักษาเหมืองให้อยู่ในสภาพดีตามระบบเดิม มีการระดมคนมาขุดลอกเหมือง และตัดวัชพืชที่
ปกคลุมเหมือง ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานของกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำฝายพญาอุตเป็นไปด้วยความ
เรียบร้อยและตรงตามวัตถุประสงค์ จึงได้มีการกำหนด “ข้อบังคับกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำฝายพญา
อุต ต.ริมปิง อ.เมือง จ.ลำพูน” ขึ้น
ทั้งนี้การดำเนินงานของกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำฝายพญาอุตและบทบาทของภาคีเครือข่าย
มีลักษณะ ดังนี้
1. การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเทศบาลตำบลต้นธงกับภาคประชาชน
เทศบาลตำบลต้นธง เล็งเห็นความสำคัญของฝายพญาอุตและกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ
ฝายพญาอุต จึงได้เข้าร่วมรับฟังปัญหาและความคิดเห็น และร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
รางวัลพระปกเกล้า’ 55