Page 48 - kpiebook65015
P. 48
47
ระบบเลือกตั้งของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ทั้งของ
ดั้งเดิมและที่แก้ไขเพิ่มเติมในปี 2554 เป็น ระบบผสม ระหว่าง ระบบเสียงข้ำงมำก
กับ ระบบสัดส่วนบัญชีรำยชื่อ โดยผสมแบบ คู่ขนำน โดยถ้าไม่นับระบบเลือกตั้ง
เสียงข้างมากธรรมดาเขตละ 3 คน ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ฉบับดั้งเดิมที่ใช้
ในการเลือกตั้งเพียงครั้งเดียวแล้ว ระบบเลือกตั้งเสียงข้างมากซึ่งใช้มากถึง 75 %
(375 คน จากทั้งหมด 500 คน ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม 2554)
และ 80 % (400 คน จากทั้งหมด 500 คน ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540) ล้วนแต่เป็น
ระบบเลือกตั้งเสียงข้ำงมำกธรรมดำเขตละคน หรือ FPTP ซึ่งเป็นระบบเลือกตั้งที่
ผู้ชนะการเลือกตั้งไม่จ�าเป็นต้องได้คะแนนเกินครึ่ง ระบบเลือกตั้งนี้จึงท�าให้พรรคใหญ่
ที่สุดได้เปรียบ คือจะได้จ�านวน ส.ส. มากกว่าจ�านวนคะแนนเสียงที่ได้จากประชาชน
ขณะที่พรรครอง ๆ ลงไป และพรรคเล็กจะเสียเปรียบ โดยยิ่งเป็นพรรคเล็กก็ยิ่ง
เสียเปรียบเพราะคะแนนที่แพ้จะไม่ถูกน�ามาใช้เลย
ดังตัวอย่างกรณีพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548
ซึ่งได้ ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจ�านวน 310 คน จากทั้งหมด 400 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์
เท่ากับได้ ส.ส. มากถึง 77.5 % ขณะที่คะแนนเสียงจริง ๆ ในแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
พรรคไทยรักไทยได้เพียง 51.10 % เท่านั้น ส่วนพรรคอันดับสองคือพรรคประชาธิปัตย์
ได้คะแนนในแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 22.89 % แต่ได้ ส.ส. แค่ 17.5 % ในขณะที่
พรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กจะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่า คือ
พรรคชาติไทยได้คะแนน 9.65 % แต่ได้ ส.ส. เพียง 4.5 % และพรรคมหาชนได้คะแนน
6.88 % แต่ได้ ส.ส. เพียง 0.5 % คือ 2 คนเท่านั้น ดังที่ได้แสดงข้อมูลไว้ในตาราง 6 นี้