Page 64 - kpiebook63005
P. 64

63








                          ในวันดังกล่าวพิธีกรได้ประกาศยำ้าหลายครั้งขอให้มวลชนที่ถูกแบ่งไว้เป็นอย่างดีจำานวน 10 เขต

                  ให้ไปนั่งข้างหน้าเยอะๆ เพื่อเวลาถ่ายภาพออกมาจะได้สวย ประกอบกับมีการเปิดเพลงลูกทุ่งที่ทันสมัย
                                                                                                          123
                  โดยบรรยากาศโดยรอบด้านหน้ามีตำารวจกับทหารมาดูแลผู้เข้าร่วมจำานวนมาก ผู้เริ่มปราศรัยช่วงแรกๆ

                  จะเป็นนายกเทศมนตรีตามพื้นที่ต่างๆ ที่ชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ เช่น นายเสน่ห์
                  เสนะไพรวรรณ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านทุ่ม  ได้กล่าวถึงข้อดีของพรรคพลังประชารัฐว่า “เป็นพรรค
                                                            124
                  ที่เอาคนที่เคยตีกันมาอยู่ด้วยกัน” อีกทั้ง พรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นพรรคเผด็จการและไม่ใช่พรรคสืบทอด
                  อำานาจให้พล.อ.ประยุทธ์อย่างที่หลายคนกล่าวหา แต่เป็นพรรคสายกลาง ไม่เลือกสีและไม่ให้ร้ายใคร

                  ส่วนการที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำารัฐประหาร เพราะจำาเป็นต้องหยุดความขัดแย้งทางการเมืองจาก
                  การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้คนคนเดียว (ไม่เอ่ยชื่อทักษิณ) ต่อมา ธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค

                  และผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำาดับที่ 27 ได้ถามประชาชนหลายรอบว่า “เลือกพรรคพลังประชารัฐ
                  หรือไม่เลือก” ประชาชนต่างตอบว่าเลือก เขาเน้นยำ้าประชาชนให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ โดยกล่าว

                  อย่างอารมณ์ขันว่า เนื่องจากสถานที่ที่ปราศรัยคือพุทธมณฑลอีสาน “ดังนั้น ต่อหน้าพระต้องห้ามโกหก”
                  จากนั้น นายณพงศ์ นพเกตุ อดีตผู้อำานวยการนิด้าโพลล์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐกล่าวยำ้าว่า

                  “พรรคพลังประชารัฐมีทั้ง กปปส. เสื้อแดง เพื่อไทย และพลังชล มาอยู่ร่วมกัน”


                          ช่วงเวลาสำาคัญเกิดขึ้นหลังเคารพธงชาติ แกนนำาของพรรคเข้าร่วมปราศรัยเป็นจำานวนมาก
                  นำาโดยสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์พรรคประจำาภาค

                  อีสานและผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำาดับที่ 2 นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์พรรคประจำา
                  ภาคกลาง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ นายเอกราช ช่างเหลา ผู้สมัครส.ส.ระบบ

                  บัญชีรายชื่อลำาดับที่ 11 และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 10 เขต ของพรรค นายสุริยะเริ่มต้นกล่าวปราศรัยถึง
                  นโยบายเศรษฐกิจของพรรคในการพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 4 ปี และตั้งกองทุนประชารัฐให้หมู่บ้านละ

                  2 ล้านบาท อีกทั้ง จะตั้งนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดขอนแก่น เพื่อมิให้ประชาชนขอนแก่นต้องไปทำางานใน
                  กรุงเทพ ฯ และในภาคตะวันออก ต่อมา นายสนธิรัตน์กล่าวตอนหนึ่งว่า “ตนลงพื้นที่ต่างๆ ในฐานะตัวแทน

                  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีหลายฝ่ายไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ เพราะกลัวคะแนนนิยม
                  ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำาให้พรรคพลังประชารัฐชนะทุกเขตเลือกตั้งแบบถล่มทลาย” สนธิรัตน์กล่าวถึง

                  พรรคการเมืองอีกฝ่ายว่า “พวกเขาทำาให้ประเทศมีปัญหามาตลอดไหม? อยากให้บ้านเมืองสงบไหม?
                  อยากได้นายกสุจริตไหม? ถ้าอยากได้ของเก่าก็ต้องเลือกแบบเก่า ชอบบัตรสวัสดิการไหม? เลิกดีไหม?

                  ถ้าเลิกให้ไปเลือกพรรคอื่นๆ” สนธิรัตน์ยำ้าถึงนโยบายบัตรสวัสดิการหลายครั้ง โดยกล่าวว่าตนเองเป็น
                  ผู้ริเริ่มโครงการบัตรและทำาให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกว่า 70,000 แห่งทั่วประเทศสามารถลืมตาอ้าปากได้



                  123  ในประเด็นนี้จะต่างจากเวทีของพรรคเพื่อไทยที่เน้นเปิดและร้องเพลงแนวบ้านๆ จะไม่เน้นเพลงที่เป็นกระแส
                  สมัยใหม่
                  124  สำาหรับนายเสน่ห์ เคยถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งปลดในปลายปี 2560 เนื่องด้วยต้องคดี
                  ลักขุดดินขาย ต่อมา อัยการได้สั่งฟ้องหลังจากที่ ป.ป.ช.สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว พิจารณาใน “โดนอีกดอก!อัยการสั่งฟ้อง
                  ’เสน่ห์’ อดีตนายกเมืองบ้านทุ่มขอนแก่น คดีลักขุดดินขาย” อีสานขอนแก่นนิวส์, 8 มีนาคม 2562 http://news.
                  esankhonkaennews.com/2019/03/08/7780 (เข้าถึงเมื่อ 10 มีนาคม 2562)
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69