Page 2 - kpi19903
P. 2

ก



                                                          ค ำน ำ


                       การเลือกตั้งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และเป็นที่มาของการเข้าสู่

               อ านาจนิติบัญญัติซึ่งน าไปสู่อ านาจบริหารอีกต่อหนึ่ง ถึงแม้ประเทศไทยจะมีการปกครองในระบอบ
               ประชาธิปไตยมายาวนานกว่า 80 ปี แต่การได้มาซึ่งอ านาจและคุณภาพของนักการเมืองอันน าไปสู่ความเป็น

               ประชาธิปไตยและธรรมาภิบาลทางการเมืองยังเป็นสิ่งที่กังขา ค ากล่าวของนักปรัชญาการเมืองที่กล่าวว่า

               “คุณภาพของประชาชนเป็นอย่างไรก็ได้นักการเมืองเช่นนั้น” เป็นค ากล่าวที่มีความจริงค่อนข้างมากส าหรับ
               การเมืองไทย การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเลือกตั้งจะช่วยให้เข้าใจกลไกในการเลือกตั้ง

               อันเป็นกลไกเดียวกันกับการน าไปสู่อ านาจรัฐ ความรู้ความเข้าใจดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะ

               เป็นประชาชน นักการเมือง กรรมการการเลือกตั้ง ระบบราชการ ภาคประชาสังคมและทุกภาคส่วนช่วยกัน
               ผลักดันและเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้มีการพัฒนายิ่งขึ้นหากมีเจตน์จ านงค์ทางการเมืองดังกล่าว

                       การศึกษาปัจจัยสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงบรรยาย (Descriptive

               approach) ตามที่เป็นจริงโดยอาศัยผลการเลือกตั้งในอดีตครั้งล่าสุดในปี 2554 และการส ารวจด้วยตัวอย่างซึ่ง
               ด าเนินการโดยส านักงานสถิติแห่งชาติและสถาบันพระปกเกล้า การศึกษาเชิงบรรยายช่วยให้เข้าใจพฤติกรรม

               การเลือกตั้งตามที่เป็นจริงไม่ใช่ตามที่ควรจะเป็นหรือตามแนวทางบรรทัดฐาน (Normative approach) ที่นัก

               ปรัชญาการเมืองหรือนักรัฐศาสตร์ต้องการให้เป็น ทั้งนี้การศึกษาตามแนวทางบรรทัดฐานอาจจะน าไปสู่ข้อ
               โต้แย้งได้มากเพราะแต่ละคนย่อมมีกลุ่มความคิดที่แตกต่างกันไป ในขณะที่การศึกษาเชิงบรรยายเป็น

               การศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งตามที่เป็นอยู่จึงมีความเป็นปฏิฐานนิยม (Positivism) และประจักษ์นิยม

               (Empiricism) มากกว่า อันเป็นแนวทางที่รัฐศาสตร์ศึกษาในประเทศไทยยังมีการวิจัยในแนวทางนี้ค่อนข้าง
               น้อย

                       การศึกษาพฤติกรรมการเลือกตั้งนั้นสามารถศึกษาโดยมีหน่วยวิเคราะห์ (Unit of analysis) เป็นเขต

               เลือกตั้งซึ่งต้องการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเลือกตั้งหรืออีกนัยหนึ่งผลการเลือกตั้งในระดับ
               เขตเลือกตั้งและตัวแปรต่าง ๆ ซึ่งแสดงลักษณะของประชากร เศรษฐกิจ สังคม และลักษณะทางภูมิศาสตร์ ใน

               เขตเลือกตั้งนั้น ๆ ทั้งนี้ในการศึกษาลักษณะนี้จะใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial data) ท าให้ต้องดูแลความสัมพันธ์

               เชิงพื้นที่ (Spatial correlation) ด้วยเช่นกันตามกฎข้อที่หนึ่งและสองของภูมิศาสตร์โดย Tobler ที่ว่า 1) ใด
               ๆ ในโลกล้วนสัมพันธ์กันแต่สิ่งที่อยู่ใกล้กันมากกว่าย่อมสัมพันธ์กันมากกว่าและ 2) หากสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นใน

               พื้นที่ให้ศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นนอกพื้นที่ด้วย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนอกพื้นที่นั้น ๆ ย่อมมีอิทธิพลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่

               นั้น ๆ เช่นกัน ผลการศึกษาการเลือกตั้งในประเทศไทยชี้ชัดว่าความเป็นภูมิภาคนิยม ความเป็นเมือง ความเป็น
               ชนบท ต่างมีความเกี่ยวข้องกับผลการเลือกตั้งทั้งสิ้น ดังนั้น แนวทางนี้จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่การศึกษาวิจัยใน

               ครั้งนี้น ามาใช้ในการศึกษา
   1   2   3   4   5   6   7