Page 79 - kpi15695
P. 79
คํ า พิ พ า ก ษ า น่ า รู้
ค ดี ป ก ค ร อ ง ข อ ง อ ง ค์ ก ร ป ก ค ร อ ง ส่ ว น ท้ อ ง ถิ่ น
๖.๖. สิทธิรับเบี้ยหวัดทหาร
สิทธิรับเบี้ยหวัดทหาร
จ่าเอกยุทธพงศ์ เคยรับราชการทหารเรือ และได้ลาออกเป็นทหาร
กองหนุนรับเงินเบี้ยหวัดจากแผนกสัสดี จังหวัดนราธิวาส ในอัตราเดือน
ละ ๑,๙๗๗ บาท ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ ได้สอบบรรจุ
เข้ารับราชการเป็นพนักงานส่วนตำบล ทางแผนกสัสดี จังหวัดนราธิวาส
จึงได้งดจ่ายเงินเบี้ยหวัดให้แก่จ่าเอกยุทธพงศ์ โดยอ้างว่าผิดข้อบังคับ
กระทรวงกลาโหม และจ่าเอกยุทธพงศ์เป็นข้าราชการซึ่งจะต้องอยู่ใน
บังคับตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญเหมือนข้าราชการอื่นๆ
จ่าเอกยุทธพงศ์เห็นว่าตนเองมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยหวัดตลอดไป จึงได้มา
ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง
ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๔๘๑/
๒๕๕๑ ว่า เบี้ยหวัดเป็นเงินค่าตอบแทนที่ทางราชการจ่ายเป็นรายเดือน
ให้แก่ทหารที่ออกจากราชการเป็นทหารกองหนุนโดยนำระยะเวลาการ
รับราชการเป็นทหารประจำการของทหารผู้นั้นมาเป็นเกณฑ์การ
คำนวณเบี้ยหวัดดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเงินบำนาญที่จ่ายให้แก่
ข้าราชการ และตามข้อ ๘ (๓) ของข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วย
เงินเบี้ยหวัด พ.ศ. ๒๔๙๕ กำหนดว่า ทหารซึ่งได้รับเบี้ยหวัดอยู่แล้ว
ให้งดรับเบี้ยหวัดในกรณีเข้ารับราชการในตำแหน่งซึ่งมีสิทธิจะได้รับ
บำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ดังนั้น
การที่จ่าเอกยุทธพงศ์ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นทหารกองหนุนได้รับเบี้ยหวัดแล้ว
ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็นพนักงานส่วนตำบล ซึ่งตามมาตรา ๔ แห่ง
พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๐
มีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนั้น บัญญัตินิยามคำว่าข้าราชการส่วนท้องถิ่น
0