Page 169 - kpi13917
P. 169
16
ทั้งนี้ ในการดำเนินงาน อบต. ได้จัดประชุมประชาชนในตำบล โดยให้ประชาชนเข้าไปมี
ส่วนร่วมในกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (ปลูกป่าทดแทน) กลุ่มผลิตถ่านอัดแท่ง
กลุ่มผลิตถ่านดิบ กลุ่มผลิตน้ำยาชีวภาพ กลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยให้กลุ่มประชาชนเหล่านี้
เป็นเครือข่ายซึ่งกันและกันส่งผลผลิตให้แก่กันภายใต้เงื่อนไข ทุกคนต้องให้ความร่วมมือแก่กัน
ต่อกัน
จากการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบัน ในตำบลต้าผามอก มีป่าชุมชน 8 ป่าชุมชน
จากเดิมไม่มีป่าชุมชนแต่เป็นป่าสงวนที่ทุกคนไม่มีความหวงแหนหลังจากมีป่าชุมชนเกิดขึ้นแล้ว
ทุกคนจะหวงแหนป่าชุมชนนี้ที่ปลูกป่ากันเอง โดยเฉพาะการปลูกไม้ไผ่เพื่อเอาไว้ใช้ตามขั้นตอน
ต่างๆ ทำให้ในชุมชนต้าผามอก มีกลุ่มทำไม้ตะเกียบ ไม้เสียบลูกชิ้น มีกลุ่มถ่านอัดแท่ง กลุ่มผลิต
ถ่านดิบ กลุ่มน้ำยาชีวภาพกลุ่มปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเกิดเป็นเครือข่ายบูรณาการการดำเนินการอย่างครบ
วงจร และช่วยในการดำเนินชีวิตของคนต้าผามอกหลายๆ ด้าน ดังนี้
- ลดรายจ่าย เพราะมีผลผลิตมาใช้เอง จากทรัพยากรในท้องถิ่น
- เพิ่มรายได้ เพราะมีอาชีพและรายได้เสริมจากการเพิ่มมูลค่าของที่มีอยู่
- ประหยัดออม เพราะ ทุกอย่างผลิตเองใช้เอง ถ้าเหลือก็ขาย
- มีป่าชุมชนเพิ่มเป็น 8 แห่ง ถือเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรด้วยความ
ระวัง
- สามัคคีและเอื้ออารีย์ต่อกัน โดยกระบวนการมีส่วนร่วมภาคประชาชน
โครงการสร้างฝายหลวง ณ ลำห้วยแม่ต้า
ลำห้วยแม่ต้า เป็นแหล่งน้ำซึ่งเปรียบเหมือนสายเลือดของประชาชนในตำบลต้าผามอก
ที่ต้องใช้น้ำจากลำห้วยแม่ต้านี้มาทำการเกษตรในช่วยฤดูแล้ง และป้องกันน้ำท่วมในช่วงฤดูน้ำ
ไหลหลาก ทั้งนี้ จากการประชุมประชาคมตำบล จึงเกิดแนวคิดสร้างฝายถวายพ่อหลวงขึ้น โดย
ประชาชนต้าผามอกเห็นว่าควรสร้างฝายหลวงในตำบล 1 แห่ง โดยไม่ต้องใช้งบประมาณจาก
แหล่งส่วนราชการใดเลย ให้ใช้วัสดุต่าง ๆ จากในชุมชนที่มีอยู่ และอาศัยแรงงานราษฎรผู้มีจิต
ศรัทธา
โดยการดำเนินงาน อาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกหมู่เหล่าในตำบลร่วมดำเนินการ
แยกประชาชนเป็นกลุ่มๆ ตามความสามารถและความถนัด พวกหนึ่งไปหาไม้ไผ่มาเป็นแกน
พวกหนึ่งตักทรายใส่กระสอบ พวกหนึ่งไปหาเสบียงอาหารในยามหิว พวกหนึ่งหาทุนสมทบใน
รางวัลพระปกเกล้า’ 55