Page 193 - kpi10440
P. 193
1) ®¤µ¥¸É¤¸ÁºÊ°®µÁ}µ¦¥Á¨·®¦º°ÂoÅ
Á¡·É¤Á·¤®¤µ¥Á·¤ åŤnÅoÁ¡·É¤£µ¦³ ®oµ¸É
¹ÊÄ®¤n Ťnεo°Îµ®Ä®o¤¸¼o¦´¬µµ¦°¸ (Á¡¦µ³¥´°¥¼nĦ°¸ÉÅoε®ÅªoÁ·¤Â¨oª)
2) oµÄµ¦ÂoÅ
Á¡·É¤Á·¤¤¸µ¦Îµ®´´·Á°Á« (¤µ¦µÁ°Á«) Án Á¡µ³µ¨
คู่ มื อ ส ม า ชิ ก ส ภ า ท้ อ ง ถิ่ น
¤¸¨Á}µ¦Á¡·É¤£µ¦³®oµ¸Éŵ¦°¸Éε®ÅªoÁ·¤ o°Îµ®Ä®o¤¸¼o¦´¬µµ¦Ä
®¤µ¥ÂoÅ
Á¡·É¤Á·¤oª¥
2) ถ้าในการแก้ไขเพิ่มเติมมีการกำหนดบทบัญญัติเอกเทศ (มาตรา
เอกเทศ) เช่น บทเฉพาะกาล มีผลเป็นการเพิ่มภาระหน้าที่ไปจาก
´ª°¥nµ µ¦Îµ®¼o¦´¬µµ¦
กรอบที่กำหนดไว้เดิม ต้องกำหนดให้มีผู้รักษาการในกฎหมาย
แก้ไขเพิ่มเติมด้วย
ตัวอย่าง การกำหนดผู้รักษาการ
6.8.10 ผู้มีอำนาจตรากฎหมาย และผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
1) ความหมายของคำต่างๆ
“ผู้มีอำนาจตรากฎหมาย” หมายความว่า ผู้ที่มีกฎหมายแม่บทให้อำนาจ
ออกกฎหมายอื่นหรือกฎหมายลูกบทอื่น
µµ¦´r ¨¸ª·Ã¦r
“ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ” หมายความว่า ผู้มีอำนาจหน้าที่ที่ได้ลง
ε´µ«µ¨¦°
นามกำกับการลงพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ในการปกครองแบบประชาธิปไตยที่
มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
6.8.10 ¼o¤¸°Îµµ¦µ®¤µ¥ ¨³¼o¦´°¡¦³¦¤¦µÃ°µ¦
1) ªµ¤®¤µ¥
°ÎµnµÇ
2) การลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
“¼o¤¸°Îµµ¦µ®¤µ¥” ®¤µ¥ªµ¤ªnµ ¼o¸É¤¸®¤µ¥Â¤nÄ®o°Îµµ°°®¤µ¥°ºÉ
®¦º°®¤µ¥¨¼°ºÉ ถือว่าเป็นการรับรองว่าเป็นพระปรมาภิไธยอันแท้จริงของพระมหากษัตริย์
“¼o¦´°¡¦³¦¤¦µÃ°µ¦” ®¤µ¥ªµ¤ªnµ ¼o¤¸°Îµµ®oµ¸É¸ÉÅo¨µ¤Îµ´µ¦¨
และเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีพระบรมราชโองการตามคำแนะนำและ
¡¦³¦¤µ£·Å¥
°¡¦³¤®µ¬´¦·¥rĵ¦¦°Â¦³µ·Å¥¸É¤¸¡¦³¤®µ¬´¦·¥r¦Á}¦³¤»
ยินยอมของผู้รับสนองพระบรมราชโองการนั้นเอง พระมหากษัตริย์จึงไม่ต้องทรงรับ
2) µ¦¨µ¤¦´°¡¦³¦¤¦µÃ°µ¦ (countersign) º°ªnµÁ}µ¦¦´¦°ªnµÁ}¡¦³
ผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินตามหลักที่ว่าพระมหากษัตริย์ทรงทำผิดไม่ได้
¦¤µ£·Å¥°´Âo¦·
°¡¦³¤®µ¬´¦·¥r ¨³Á¡ºÉ°ÂÄ®oÁ®Èªnµ¡¦³¤®µ¬´¦·¥r¦¤¸¡¦³¦¤¦µÃ°µ¦µ¤
1 สถาบันพระปกเกล้า 5-34